เดี๋ยวนี้นอกจากการขายของบน Social Media อย่าง Facebook LINE หรือ IG แล้ว ยังมีแพลตฟอร์มที่คับคั่งไปด้วยแม่ค้าพ่อค้าอีกหนึ่งตัว ก็คือเจ้า Shopee แพลตฟอร์ม eMarketplace ยักษ์ใหญ่แห่งอาเซียนจากสิงคโปร์ โดยจุดเด่นของแอพนี้อยู่ที่ขั้นตอนการสมัครเป็นผู้ขายง่ายๆ ไม่ซับซ้อน มีระบบ Coin ที่ดึงดูดให้ผู้ใช้อยากเปิดแอพขึ้นมาเล่นบ่อยๆ และมีระบบ Buyer protection ที่สามารถกดยืนยันรับสินค้า/ยังไม่ได้ยืนยัน เพื่ออนุมัติเงินค่าสินค้าให้กับร้านค้าได้อีกด้วยค่ะ
เปิดร้านใหม่ ต้องอัพอะไรบ้าง?
หลังจากลงทะเบียนเป็นผู้ขายกับ Shopee เรียบร้อยแล้ว (วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือโหลดแอพ Shopee มาไว้ในมือถือ และสมัครผ่านแอพได้เลย) เราสามารถโพสต์ขายสินค้าชิ้นแรกได้เลย โดยสิ่งที่ต้องมีในการสร้างโพตส์สินค้าที่น่าดึงดูดก็คือ
1. รูปสินค้าชัดๆ สวยๆ หลายมุม ถ้ามีแบคกราวน์เป็นสีพื้นเรียบๆ เช่น รูปสินค้าแบคกราวน์สีขาว สีดำ สีแดง สีเหล่านี้ด้วยให้ร้านดูเป็นมืออาชีพได้มากกว่าเดิมด้วยค่ะ
2. ชื่อสินค้าที่คิดเผื่อ Keyword นอกจากชื่อสินค้าและชื่อแบรนด์แล้ว เราอาจใส่ “สิ่งที่คิดว่าลูกค้าน่าจะเสิร์จหา” ลงไปในชื่อสินค้า และคำบรรยายสินค้าด้วย เพื่อเพิ่มโอกาสให้สินค้าของเราถูกมองเห็นมากขึ้น
3. Status ร้านค้าที่ดู Active ตลอด นอกจากรูปภาพ ชื่อ และคำบรรยายสินค้าแล้ว ส่ิงหนึ่งที่จะถูกแสดงในโพสต์สินค้าด้วยคือสเตตัสของร้านค้า ว่าออนไลน์ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ สำหรับร้านที่เพิ่งเปิดใหม่ แม้จะยังไม่มีลูกค้า แต่เราก็อยากให้หมั่นเปิดแอพเข้ามาบ้าง เพื่อให้สเตตัสเห็นว่า ร้านนี้ Active และมีตัวตนอยู่จริงค่ะ
4. สร้างคูปอง โค้ดส่วนลด ไว้บ้าง ที่เมนู Seller Center เช่นเคย ร้านค้าสามารถสร้างคูปองเพื่อส่งเสริมการขายได้ โดยในส่วนนี้เราจะต้องรับผิดชอบในราคาที่ลดลงเองนะจ๊ะ
เริ่มขายได้บ้างแล้ว ทำไงต่อ?
เมื่อมีออเดอร์เข้ามาบ้างแล้ว เราสามารถใช้ฟีเจอร์แชทคุยกับลูกค้า เพื่อถามไถ่ความพึงพอใจ และแนะนำให้ขอดาว ขอรีวิวดีๆ จากลูกค้า สิ่งเหล่านี้นอกจากจะทำให้ลูกค้าประทับใจในความใส่ใจของเราแล้ว ร้านบน Shopee ของเราก็จะได้รีวิวดีๆ ดาวเยอะๆ ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือถึงขีดสุดได้ด้วย เพราะเดี๋ยวนี้ คนขายของซ้ำๆ กันก็มีมากมาย แต่ลูกค้ามักจะกวาดตามองหาร้านที่มีดาวเยอะๆ มียอดออเดอร์ที่ส่งสำเร็จแล้ว เป็นปัจจัยสำคัญพอๆ กับราคาสินค้า
จับตาแคมเปญของ Shopee ให้ดี
นอกจากจะมีการจัดเทศกาลลดราคาตามเทศกาลต่างๆ แล้ว Shopee ยังมีแคมเปญประจำวัน ประจำสัปดาห์ ประจำเดือนอีกด้วย โดยเข้าไปที่ Seller Center ที่อยู่ในแอพ และกดสมัครเข้าร่วมแคมเปญได้เลย แต่ไม่ใช่ทุกร้านค้าจะเข้าร่วมได้นะ เพราะเค้าก็มีเกณฑ์ในการคัดเลือกเหมือนกัน ดังนี้
- ลงสินค้าที่กำลังเป็นที่ต้องการ/ สินค้าที่มีความโดดเด่น
- มีการตั้งราคาที่เหมาะสม
- รูปสินค้าชัดเจนและมีความละเอียด
- มีการบริการจากร้านค้าที่ยอดเยี่ยม เช่น ส่งสินค้าภายในระยะเวลาที่ตั้งไว้, มีเปอร์เซ็นต์การตอบ Chat ที่ดี
ข้อดีของการเข้าร่วมแคมเปญคือ ร้านมีโอกาสได้ออเดอร์เพิ่มมากขึ้น และหลายครั้งที่เราไม่ต้องซัพพอร์ตส่วนลดจากโปรโมชั่นแบบเต็มจำนวน บางครั้ง Shopee ก็ช่วยซัพพอร์ตให้ค่ะ

ตัวอย่างแคมเปญประจำช่วงเวลาของ Shopee
ไม่หยุดเรียนรู้ กับ Shopee Uni
นอกจากนี้เค้ายังมี Shopee Uni / Shopee University ซึ่งเป็นศูนย์อบรมเชิงปฏิบัติ และฝึกหัดเพื่อช่วยผู้ประกอบการในด้านธุรกิจต่างๆ เป็นการสนับสนุน และเสริมสร้างทักษะของลูกค้า โดยเฉพาะผู้ค้ารายย่อยในแบบ C2C ให้ความรู้ในเรื่องต่างๆ ในการขายของบน Shopee ให้ปัง โดยติดตามรอบการสอนได้จาก Seller Center หรือโทรสอบถาม Call Center Seller Center ที่เบอร์ 02-017-8399 ตามเวลาทำการ
นอกจากทำการตลาดบน Shopee แล้ว หากคุณอยากทำการตลาดบนแพลตฟอร์มอื่นบ้าง เราขอแนะนำบริการช่วยเติบโตธุรกิจแบบครบวงจรจาก Sellsuki ไม่ว่าจะเป็นการทำโฆษณาออนไลน์โดย Fuse by Sellsuki เปิดบัญชี LINE OA และทำโฆษณาบน LAP ก็ปรึกษา LINE Agency by Sellsuki ได้ สนใจบริการ Fulfillment เก็บ แพ็ค ส่ง ปรึกษา Akita Warehouse และถ้าคุณขายดีบน Shopee จนมีทุนขยายร้านและอยากมีเว็บขายของสวย ๆ เป็นของตัวเองก็ปรึกษาทีม Dev ตัวพ่ออย่าง Bearyweb ได้เลย (นอกจากทำเว็บแล้วเขาก็รับทำ LINE Messaging APIด้วยนะ)
* ต่อสายตรงรับคำแนะนำจากทุกบริการได้ที่นี่: 020263250
และใครที่สนใจอยากพูดคุยเรื่องทางธุรกิจและสร้าง Connection กับเพื่อนร้านค้าเจ้าอื่นๆ กดเข้ามาเพื่อเข้ากรุ๊ปได้ที่นี่เลยค่ะ กรุ๊ปร้านค้าผู้น่า Like by Sellsuki อย่าลืม! ตอบคำถามก่อนเข้ากรุ๊ปด้วยนะ ^^