คน Gen Z คือใคร? คือกลุ่มคนที่เกิดหลังปี พ.ศ. 2544 หรือน้องๆที่อายุตั้งแต่ 17 ปีลงไปซึ่งส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ในวัยเรียนนั่นแหละ
คน Gen Z สำคัญอย่างไรกับคนทำธุรกิจ? มีการคาดการณ์ว่าในอนาคตอันใกล้ประชากรกลุ่มนี้จะมีสัดส่วนถึง 40 % จากกลุ่มผู้บริโภคทั้งหมด ซึ่งนั่นก็หมายถึงโอกาสในการเปิดตลาดใหม่ที่มีคนกลุ่มนี้เป็นฐานลูกค้าสำคัญ

ที่มา : https://brandinside.asia
แต่จะเปิดตลาดกับคน Gen Z ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าพวกเขาเกิดมาก็แวดล้อมไปด้วยเทคโนโลยี การเข้าถึงข้อมูลต่างๆทำได้รวดเร็วและหลากหลายช่องทางกว่าคนเจเนอเรชันก่อน ส่งผลให้เป็นคนสมาธิสั้น ให้ความสนใจอะไรไม่ได้นานๆ มีความครีเอทีฟและความคิดเป็นของตัวเองสูง ไม่ยอมถูกชักจูงง่ายๆ ให้ความสำคัญกับการสร้างตัวตนต้องการการยอมรับจากสังคมในสิ่งที่พวกเขาเป็น เลือกรับแต่ข้อมูลที่เห็นว่ามีประโยชน์ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ยึดติดกับแบรนด์ หากเห็นว่ามีสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการและมีคุณภาพมากกว่าก็พร้อมที่จะเปลี่ยนใจได้เสมอ
จะตีสนิทกับคน GEN Z ต้องทำการบ้านกันนิดหนึ่ง
หากจะเปรียบเทคโนโลยีว่าเป็นอวัยวะของคนทุกเจเนอเรชันในยุคนี้ก็คงไม่ผิด คน Gen Z เองก็ชอบใช้เวลาท่องโลกออนไลน์ไม่ต่างจากคนเจเนอเรชันอื่นๆ โดยใช้ในการติดต่อสื่อสาร ให้ความบันเทิง เป็นแหล่งสืบค้นข้อมูล ดังนั้นการทำการตลาดกับคนกลุ่มนี้ก็สามารถพิจารณาสื่อออนไลน์เป็นตัวช่วยในการเข้าหาพวกเขาได้ โดยการปล่อยหมัดฮุกผ่านคอนเทนต์ประเภทต่างๆ ที่มีเนื้อหาโดนใจ จนเกิดคุณค่าต่อจิตใจ

ที่มา : https://positioningmag.com
คอนเทนต์ที่ซื้อใจคน Gen Z ได้นั้นจึงควรมีลักษณะดังต่อไปนี้
1. กระชับ ได้ใจความ นำเสนอเนื้อหาตรงไปตรงมา เป็นข้อมูลที่ย่อยง่าย ไม่ต้องใช้เวลามากในการทำความเข้าใจ เช่น การนำเสนอข้อมูลเป็นรูปภาพ หรือ Infographic รวมถึงการทำโฆษณาก็ไม่ควรยาวเกินไปและมีฟังก์ชันที่อนุญาตให้กดข้ามได้
2. เนื่องจากคนกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะใช้ความครีเอทีฟสร้างคอนเทนต์เป็นของตัวเอง ดังนั้นการจัดแคมเปญทางการตลาดต้องส่งเสริมให้มีการสร้างประสบการณ์ร่วมระหว่างคน Gen Z และแบรนด์ เช่น แคมเปญรีวิวผลิตภัณฑ์ แคมเปญเล่นเกมชิงรางวัล
3. คน Gen Z ยังชอบพูดคุยเรื่องกระแสสังคมกับเพื่อนมากที่สุด ดังนั้นการทำคอนเทนต์ต้องมีเนื้อหาที่กระตุ้นให้เกิดความอยากแชร์ในกลุ่มเพื่อน เช่น การทำไวรัลคลิปสนุกๆ ถ้ายิ่งมีสเปเชียลเอฟเฟ็กต์เจ๋งๆ และเพลงประกอบเพราะๆ จะยิ่งเรียกความสนใจได้มาก
4. พวกเขาให้ความสนใจการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆมากกว่าการชักจูงโดยดารานักแสดงและต้องการเป็นผู้กำหนดทางเลือกเอง การโฆษณาจึงไม่ควรนำเสนอข้อมูลที่เป็นการยัดเยียดทางเลือกในการตัดสินใจมากเกินไป
แม้คนกลุ่มนี้จะชอบใช้เวลาบนโลกออนไลน์แต่ก็ยังนิยมที่จะซื้อของจากหน้าร้านที่สามารถทดลองใช้สินค้าได้มากกว่าการชอปปิ้งออนไลน์ ดังนั้นนอกเหนือจากการทำการตลาดออนไลน์แล้วต้องไม่ลืมที่จะใช้การตลาดรูปแบบอื่นๆเพื่อส่งเสริมการขายควบคู่ไปด้วย และรู้จักปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์อยู่เสมอ ถ้าหากว่าชอบเรื่องราวอะไรแบบนี้อย่าลืมกดติดตาม Sellsuki กันไว้นะครับ