การส่งสินค้า เป็นขั้นตอนสำคัญที่ตัดขาดกับการขายของออนไลน์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องบอกว่า “วินาทีที่ลูกค้าได้รับสินค้า” นี่แหละ ที่เป็นวินาทีแห่งความประทับใจ ยิ่งถ้าร้านไหนส่งดี ส่งไว สภาพสินค้าไม่เสียหาย ก็ยิ่งได้ใจคุณลูกค้าไปเต็มๆ
พอพูดถึงการส่งของ คนทั่วไปมักนึกถึงการหยิบของ เดินไปที่ไปรษณีย์ ไปยื่นแพ็คของพร้อมกับเขียนชื่อ-ที่อยู่ที่เคาเตอร์แพ็คของ เสร็จแล้วรอเรียกคิว เข้าไปจ่ายตังค์ เป็นอันเสร็จพิธีใช่มั้ยล่ะคะ? แต่สำหรับคนขายของออนไลน์แล้ว พวกเรามีเคล็ดลับที่ต่างจากการส่งของแบบธรรมดา ที่รับรองว่ารู้แล้วจะทำให้ส่งของเร็วขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
1. ใช้สมุด EMS Barcode มาแปะเอง
สำหรับร้านค้าที่เป็นขาประจำ ไปส่งของจำนวนมากๆ ประมาณ 10-20 ชิ้นขึ้นไป กับไปรษณีย์สาขาเดิม ส่วนใหญ่แล้วพนักงานไปรษณีย์จะให้เล่ม Barcode EMS มาเลย ในนั้นจะเป็นสติ้กเกอร์พร้อม Tracking No. ที่เรียงกันอย่างสวยงาม เวลาแพ็คของเสร็จแล้ว แทนที่เราจะไปเสียเวลาที่ไปรษณีย์ เราก็สามารถเอาสติ้กเกอร์ที่อยู่ในสมุดนี้แหละแปะเรียงลงไปบนซอง/กล่องสินค้าที่แพ็คเสร็จแล้วได้เลย ทำให้สามารถแจ้งเลขพัสดุให้ลูกค้าได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาไปรอพนักงานพิมพ์ชื่อทีละคนที่หน้าเคาเตอร์
เมื่อแพ็คของเสร็จ แปะ Tracking No. เสร็จ จึงค่อยเดินทางไปที่ไปรษณีย์ พนักงานก็แค่สแกนบาร์โค้ดเข้าระบบ ตี๊ดๆๆ สบาย ไม่ต้องเสียเวลาเลยค่ะ
Tips: ถ้าใครส่งของวันละจำนวนมาก แล้วยังไม่มีเล่ม Barcode ลองขอกับพนักงานไปรษณีย์ดูนะคะ
ขอบคุณภาพประกอบจาก http://product.thaimallplaza.com/view.php?id=47830
2. แพ็คของให้แน่นหนาตั้งแต่ที่บ้าน!
กันไว้ดีกว่าแก้ เพราะเราไม่รู้ว่าสินค้าของเราที่เดินทางไปทั่วประเทศไทย (และทั่วโลก) นั้นต้องเจอกับอุปสรรคและด่านมรสุมอะไรบ้าง (ฮ่าๆ) ดังนั้น การเลือกซอง กล่อง หรือหีบห่อที่ได้มาตรฐาน แข็งแรง เป็นสิ่งที่แม่ค้าพ่อค้าควรลงทุน ยิ่งสมัยนี้มีบรรจุภัณฑ์หลายแจ้าให้เลือกกันมากมาย บางอันกันน้ำได้ บางอันมีกันกระแทก บางอันน้ำหนักเบาแต่เหนียวและทน ก็ขอให้เพื่อนๆลองพิจารณากันดูนะคะ
การแพ็คของอย่างแน่นหนา นอกจากจะช่วยไม่ให้สินค้าได้รับความเสียหายแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้เจ้าของร้านต้องเสียเวลากับปัญหาสินค้าตีกลับ ต้องเสียเวลาทำเรื่องส่งสินค้าอีกรอบ เพราะถ้าเรามีการแพ็คของอย่างดี มีการจ่าหน้าพัสดุ ชื่อ-ที่อยู่ ชัดเจน ปัญหาเหล่านี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย
Tips: ลองหาระบบจัดเก็บชื่อ-ที่อยู่ลูกค้าแบบอัตโนมัติ เจ้าของร้านไม่ต้องเขียนที่อยู่เอง หมดปัญหาที่อยู่ผิด ช่วยตัดปัญหาพัสดุตีกลับได้เยอะ (ขอแนะนำระบบ Sellsuki ใช้ฟรีเลยค่ะ)
3. ไปส่งของตั้งแต่เช้า
เจ้าของร้านมืออาชีพมักจะไปส่งของที่ไปรษณีย์กันตั้งแต่เช้าค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านค้าที่เลือกใช้การส่งแบบ EMS (fด่วนพิเศษ) เพราะการไปส่งของตั้งแต่ไปรษณีย์เปิด อาจจะทำให้พัสดุของเราทันรอบส่งของ ของบุรุษไปรษณีย์ในช่วงบ่าย 2 ทำให้ลูกค้าในเขตกทม. มีโอกาสที่จะได้รับพัสดุภายในวันเดียวได้เลย แต่ลูกค้าที่อยู่ในเขตต่างจังหวัดก็จะได้ของไวขึ้นด้วย ที่สำคัญ การไปส่งของในช่วงบ่ายๆ ใกล้ไปรษณีย์ปิด คนก็จะยิ่งเยอะ เราต้องต่อคิว เสียเวลามากๆค่ะ
Tips: นอกจากการเผื่อเวลาในช่วงวันแล้ว แม่ค้าพ่อค้าควรเผื่อเวลาช่วงวันหยุดราชการที่ไปรษณีย์จะปิดทำการด้วย เราจะได้สามารถอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจถึงสาเหตุที่ต้องรีบปิดรอบส่ง/หรืออาจได้รับของช้า
4. ลองดูบริการส่งของอื่นๆ ที่เร็วกว่า
นอกจากบริการส่งพัสดุของไปรษณีย์ไทยแล้ว เดี๋ยวนี้ก็มีบริษัทของเอกชนอีกมากมาย ที่กำลังแข่งขันกันส่งของอย่างดุเดือด บางเจ้ามีบริการมารับของให้ถึงบ้าน บางเจ้ามีบริการรับฝากของไว้พร้อมแพ็คให้อีกด้วย เรียกได้ว่าเจ้าของร้านสบายขึ้นเยอะ แต่ราคาค่าบริการก็ต้องแตกต่างจากการส่งธรรมดาอย่างแน่นอน สำหรับตัวเลือกข้อสุดท้ายนี้ก็ถือว่าน่าสนใจ เพราะหลายเจ้าก็มีการจัดโปรโมชั่นเรื่องค่าบริการกันอยู่ นับว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของไปรษณีย์ไทยเลยล่ะคะ
5. เปลี่ยนขั้นตอนการแพ็คของ
บางครั้งปัญหาส่งของช้า ก็อยู่ที่จุดใต้ตำตอที่เราคิดไม่ถึง สำหรับร้านไหนที่ยังใช้ขั้นตอนการแพ็คของแบบมือสมัครเล่น คือ รับออเดอร์มา 1 ก้อปชื่อที่อยู่ 1 เพื่อเตรียมแพ็คของอีก 1 ถ้าทำแบบนี้กับ 100 ออเดอร์จะเป็นอะไรที่เสียเวลามากๆ แถมยังเสี่ยงข้อมูลชื่อที่อยู่ลูกค้าตกหล่นระหว่างขั้นตอนแพ็คของส่งด้วย
Tips: เปลี่ยนวิธีซะใหม่ รวมออเดอร์ให้เยอะก่อน แล้วค่อยรวบรวมรายชื่อส่งทีเดียวเลย แต่ในการรวบรวมรายชื่อ ถ้าจะให้คนธรรมดามานั่งรวบรวมรายชื่อก็เสี่ยงที่จะบันทึกที่อยู่ลูกค้าผิดอีก ส่งของไปไม่ถึงมือผู้รับอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับร้านที่มีออเดอร์จำนวนมาก วิธีแก้คือ เพิ่มระบบ “บริหารสต็อกและการจัดส่ง” ให้กับร้านค้าของเพื่อนๆ ระบบดังกล่าวจะช่วยรวบรวมรายชื่อลูกค้าที่จ่ายเงินค่าสินค้าแล้ว โดยที่เราไม่ต้องทำเอง ร้านค้าสามารถดาวน์โหลดรายชื่อลูกค้ามาเก็บไว้ได้ หรือแค่ให้ทีมงานแพ็คของ Log-in เข้ามาที่ระบบ ก็จะพบรายชื่อลูกค้าที่รอแพ็คของส่ง สามารถปริ้นท์รายการสินค้าที่ต้องส่ง-พร้อมที่อยู่ลูกค้าให้อัตโนมัติ ทำให้ช่วยจัดสินค้าลงกล่องง่ายขึ้น ตัดสต็อกไม่มีพลาด และแพ็คสินค้าพร้อมส่งได้เร็วกว่าเดิม 2 เท่า! แบบนี้ ไม่ลองก็ไม่รู้นะคะ
แนะนำ : Sellsuki ระบบบริหารร้านโซเชี่ยล ที่ร้านขายดีเลือกใช้
เจ้าของร้านมืออาชีพท่านใด อยากเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับเซลสุกิ และอยากรู้ว่านอกจากเรื่อง “สต็อกและส่งของเร็วขึ้น” ที่เซลสุกิจะช่วยได้แล้ว ยังมีความสามารถอื่นๆอะไรอีกบ้าง? สามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ของเซลสุกิเลยที่
เว็บไซต์ : www.sellsuki.co.th
แชทกับลูกค้าสัมพันธ์เซลสุกิบน facebook : www.facebook.com/messages/Sellsuki
Call Centre : 090-096-7526
หวังว่าเคล็ดลับเล็กๆน้อยๆ ที่นำมาฝากในวันนี้ จะช่วยให้ชีวิตการขายของเพื่อนๆง่ายขึ้น และลูกค้าประทับใจในบริการมากขึ้นนะคะ เพราะเราเชื่อว่า คนที่ขายของเก่งๆ ไม่ใช่คนที่คำนวณกำไรขาดทุนเก่งๆ แต่เป็นคนที่มีใจรักในบริการและใส่ใจลูกค้าค่ะ
พูดคุยเรื่องทางธุรกิจและสร้าง Connection กับเพื่อนร้านค้าเจ้าอื่นๆ ได้ที่นี่เลยฮะ กรุ๊ปร้านค้าผู้น่า Like by Sellsuki อย่าลืม! ตอบคำถามก่อนเข้ากรุ๊ปด้วยน้า ^^