จากรายงาน Internet Trend ของ Mary Meeker กูรูนักลงทุนที่ได้เผยแพร่รายงานแนวโน้มอินเทอร์เน็ตออกมาในทุกปี โดยประเด็น E-Commerce และ ธุรกิจค้าปลีกก็ถือเป็นเรื่องไฮไลท์ที่ถูกนำมาพูดถึงเช่นกัน
สิ่งที่น่าสนใจคือการเติบโตของธุรกิจ E-Commerce ในปีนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในแง่การขายหน้าร้านที่เปลี่ยนไปเป็นการขายออนไลน์หรือขายบนเว็บไซต์ตามที่เราทราบกันแล้ว แต่กลายเป็นเรื่องของการรวมแพลตฟอร์มและบริการที่เกี่ยวเนื่องกันไว้ในที่เดียว
เมื่อ Messaging และ Social apps กำลังจะกลายเป็นแหล่งช็อปปิ้งแห่งใหม่
Social Commerce ดูจะเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้งานวัยหนุ่มสาว ที่การช็อปปิ้งผ่าน Social media platform แทบจะกลายเป็นวิถีชีวิตประจำวันไปแล้ว ทางเจ้าของแพลตฟอร์มก็พยายามที่จะพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ออกมาตลอด ทดลองครั้งแล้วครั้งเล่าจนได้ฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคและตอบรับกระแสในช่วงเวลานั้นออกมา อย่างที่ Instagram Checkout ช่วยให้ผู้ชมสามารถซื้อสินค้าได้โดยตรงภายในแอปเลย ซึ่งในตอนนี้ก็ได้รับความนิยมในการขายสินค้าประเภทแฟชั่นมากที่สุด
รายงานของ Meeker ยังพูดถึงการควบรวมแพลตฟอร์ม Social Media และ Messaging Apps เพื่อเชื่อม Ecommerce เข้ากับฟีเจอร์ชำระเงิน ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างกว้างข้างจากนักพัฒนาในหลายๆ ประเทศ มี KakaoTalk แอปแชทของเกาหลีใต้ ที่รวมบริการ mobile payments และ digital wallet เข้าด้วยกันเป็นฟีเจอร์ชื่อ Kakao Pay อีกตัวอย่างคือ LINE Pay ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2014 ที่ญี่ปุ่น เป็นฟีเจอร์ชำระเงินภายในแอปแชท LINE ด้าน Facebook ก็พัฒนาฟีเจอชำระเงินบน WhatsApp ที่ได้เปิดให้ทดลองใช้ WhatsApp Pay ในอินเดียเมื่อกลางปี 2018 และเตรียมเปิดตัวในยุโรปเร็วๆ นี้ และตามที่ Facebook เคยแถลงในงาน F8 เกี่ยวกับฟีเจอร์ช่วยทำธุรกิจบน WhatsApp ชื่อว่า Product Catalogs ที่ธุรกิจสามารถสร้างแค็ตตาล็อคแสดงสินค้าบน WhatsApp ได้ ซึ่งถ้า Facebook ปล่อยทั้งสองฟีเจอร์นี้ออกมาเมื่แไหร่ ธุรกิจก็จะสามารถปิดจ๊อบการขายได้ภายในแพลตฟอร์มเดียวและผู้บริโภคก็น่าจะถูกใจฟีเจอร์นี้ไม่น้อยเช่นกัน
อีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มกับการพัฒนาบริการจัดส่งสินค้า
เมื่อผู้บริโภคมักจะหาช่องทางใหม่ๆ ในการช็อปปิ้งออนไลน์เสมอ สิ่งที่ตามมาคือความคาดหวังในบริการจัดส่งที่สะดวกและรวดเร็วที่เพิ่มขึ้น หลายๆธุรกิจเริ่มปรับตัวตามความต้องการที่ว่านี้ ส่วนคุณภาพและรูปแบบบริการก็อาจต่างกันออกไป อย่าง Amazon ก็จะขึ้นชื่อในเรื่องของความรวดเร็ว การการันตีคุณภาพจัดส่ง
ตัวอย่างอื่นๆ ของการพัฒนาบริการจัดส่งอย่าง Meituan Dianping (เหมยเถียน-เดียนปิง) แพลตฟอร์มไลฟ์สไตล์ของจีนที่มีบริการหลากหลายตั้งแต่ตั๋วหนังยันบริการบ้านให้เช่า ซึ่งนับเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากในการทำให้ผู้ค้าและผู้บริโภคระดับท้องถิ่นได้เจอกัน เพราะมีการใช้ประโยชน์จากศาสตร์ data analytics มาช่วยจับคู่คำที่ผู้บริโภคค้นหาเข้ากับบริการที่ดีและตรงความต้องการที่สุดที่อยู่ในท้องถิ่นของพวกเขา เป็นการผสานบริการการตลาดและ Fulfillment ไว้ในที่เดียว ที่ช่วยให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงสินค้าและบริการภายในท้องถิ่น และช่วยเจ้าของธุรกิจให้เข้าถึงผู้บริโภคจำนวนมหาศาล จ่ายค่าธรรมเนียมน้อยลงแต่ได้ค่า conversion rates ที่สูงขึ้น จากภาพจะเห็นได้ว่ามีจำนวนผู้ค้าที่ Active ในระบบเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า
ฝั่งละติน อเมริกา ก็มีสตาร์ทอัพชื่อว่า Rappi บริการจัดส่งสินค้าที่ใช้แพลตฟอร์มดิจิตอลเพื่อมุ่งสร้าง ecosystem ของบริการขนส่งที่ครบวงจร ปัจจุบันได้เปิดให้บริการในอาเจนติน่า บราซิล ชิลี โคลัมเบีย เม็กซิโก เปรู และอุรุกวัย ด้วยจุดเด่นเรื่องความรวดเร็วและราคาถูก ตามที่บริษัทพยายามชูจุดขายที่ว่า จัดส่งภายใน 30 นาที ในราคาเริ่มต้นไม่ถึง 1 ดอลลาร์ นำมาซึ่งยอดออเดอร์ที่สูงขึ้นเกือบสองเท่าตัวภายในระยะเวลาหนึ่งปี นอกจากนี้ Rappi ก็กำลังพัฒนาแพลตฟอร์มให้กลายเป็นที่ที่รวบรวมสินค้าและบริการทุกประเภทไว้ในที่เดียวตั้งแต่สินค้าในร้านชำ บริการส่งอาหาร ไปจนถึงการจ้างรถ scooters ด้วย
กลับมาดูเพื่อนบ้านแถบเอเชียอย่าง Tokopedia ของอินโดนีเซีย ที่ประสบความสำเร็จในการสร้าง Marketplace สำหรับธุรกิจแบบ C2C ที่ร้านค้ารายย่อยหรือธุรกิจขนาดเล็กสามารถเข้ามาเปิดร้านได้ในนี้ โดยบริษัทมุ่งที่จะเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงผู้ค้าจากทุกพื้นที่ ทุกหมู่เกาะของอินโดนีเซียเพื่อช่วยลดข้อจำกัดเรื่องค่าขนส่งจนทำให้ธุรกิจเหล่านั้นไม่สามารถเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่อื่นๆได้ ในขณะเดียวกันบริษัทก็มีเครือข่ายพันธมิตรเป็นคลังสินค้าและบริการขนส่งกระจายตามหมู่เกาะต่างๆ พร้อมกับใช้เทคโนโลยี AI ช่วยทำนายว่าควรขยายคลังสินค้าไปในพื้นที่ใดเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้เร็วขึ้น Tokopedia ยังคิดค่าธรรมเนียมในราคาแสนถูกให้กับนักการตลาดที่สนใจจะเริ่มขายของบนแพลตฟอร์ม เช่น สามารถสร้างรายการสินค้าบนแพลตฟอร์มได้ฟรี ทำให้มีอัตราการเติบโตของจำนวนผู้ค้าที่เข้ามาร่วมเปิดร้านบนแพลตฟอร์มเพิ่มสูงขึ้นจาก 1.5 ล้านรายในปี 2016 เป็นจำนวนเกือบ 6 ล้านรายในปี 2019
ใครที่สนใจอยากพูดคุยเรื่องทางธุรกิจและสร้าง Connection กับเพื่อนร้านค้าเจ้าอื่นๆ กดเข้ามาเพื่อเข้ากรุ๊ปได้ที่นี่เลยค่ะ กรุ๊ปร้านค้าผู้น่า Like by Sellsuki อย่าลืม! ตอบคำถามก่อนเข้ากรุ๊ปด้วยนะ ^^