สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ใหม่ที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ใหักับบพ่อค้าแม่ค้าชาว E-Commerce หลังจากที่คราวที่แล้วผมได้เกริ่นๆ เกี่ยวกับบริการ Fulfillment ไว้บ้างแล้ว https://blog.sellsuki.co.th/wholesaletoretail_newtrend วันนี้ผมจึงจะมาพูดถึงเรื่อง Fulfillment อย่างละเอียด พร้อมทั้งเปรียบเทียบความคุ้มค่าระหว่างการบริหารงานแบบเก่าและการบริหารของคนยุคใหม่ที่ใช้บริการระบบ Fulfillment ที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายได้มากขึ้นแม้จะมีช่องทาง การขายหลายช่องทาง และยังช่วยให้ขยายธุรกิจได้ดีมากยิ่งขึ้นโดยที่ไม่จำเป็นต้องจ้างคนเพิ่ม
เล่ามาถึงตรงนี้เพื่อนๆ คงจะอยากรู้แล้วว่าเจ้าบริการ Fulfillment ที่ว่านี้มันคือบริการอะไรกันแน่?เรามาดูไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่าครับว่ามีบริการอะไรบ้างที่เหมาะกับเหล่าพ่อค้าแม่ค้า E-Commerce
บริการ Fulfillment คืออะไรและเกิดขึ้นมาเพื่ออะไร?
บริการ Fulfillment นั้นเพื่อนๆ น่าจะรู้จักบริการที่มีสโลแกนแบบเก็บแพ็กส่ง นี่แหละที่เค้าเรียกว่าบริการ Fulfillment บริการนี้เป็นบริการที่เริ่มจากการให้บริการคลังสินค้าสำหรับร้านค้าออนไลน์ที่มาพร้อม บริการแพ็กสินค้าที่อำนวยความสะดวกให้แก่ชาว E-Commerce ที่ไม่ว่าจะมียอดออเดอร์มากขนาดไหนก็ไม่ต้องเสียเหงื่อสักหยดเดียวในการนั่งแพ็กสินค้าเพื่อนำส่งให้กับลูกค้า เพราะบริการแบบ Fulfillment นั้นจะมีทีมงานที่เชี่ยวชาญการแพ็กสินค้าเพื่อพร้อมแก่การนำส่งโดยเฉพาะ
บริการนี้ช่วยลดค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) ของผู้ประกอบการในการเอาเวลาที่ควรจะนำไปพัฒนาธุรกิจนั้นมานั่งจับเจ่าเสียเวลาไปกับการแพ็กของที่กองพะเนินเป็นภูเขา เท่านั้นยังไม่พอ ปัจจุบันยังมีพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มากมายที่ยังเสียเวลาไปกับการยืนส่งของต่อคิวที่ยาวเหยียดในที่ทำการไปรษณีย์ แต่ก็หมดห่วงได้เพราะว่าบริการ Fulfillment ก็ยังตอบโจทย์ส่วนนี้เพราะได้ให้บริการส่งสินค้าแทนผู้ประกอบการอีกด้วย เพราะเข้าใจดีว่าผู้ประกอบการไม่ควรจะเสียเวลาอันมีค่าแต่ละวันไปกับการส่งของ หรืออาจจะพูดได้ว่าบริการ Fulfillment นั้นเกิดขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเหล่าพ่อค้าแม่ค้าที่มียอดออเดอร์ล้นหลามจนแทบจะไม่เหลือเวลาในการใช้ชีวิตในแต่ละวัน
พูดถึงความหมายของบริการ Fulfillment ไปแล้ว ต่อไปเรามาดูตารางเปรียบเทียบความคุ้มค่ากันว่าระหว่างจัดการทุกขั้นตอนของการขายออนไลน์ด้วยตัวเองกับการใช้ตัวช่วยเป็นบริการ Fulfillment แบบไหนที่คุ้มค่ากว่ากัน?
ตารางเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายระหว่างใช้บริการ Fulfillment และการจัดการทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง
ทำด้วยตัวเอง | ใช้ Fulfillment ของ Akita | |
บริการสินค้าเข้าคลัง | ฟรี | 3 บาท/ชิ้น |
ค่าจัดเก็บ | ฟรี | 200 บาท/ชั้น/เดือน |
ค่าแพ็คสินค้า | 15 – 25 บาท/กล่อง | 12 บาท/กล่อง |
ค่าส่ง | คิดตามการใช้งานจริง | คิดตามการใช้งานจริง |
ความสามารถในการคิดแผนโปรโมตร้านค้าใหม่(คิดจาดเวลาที่เหลือในแต่ละวัน) | 1-2 ชม/วัน | 4 ชม ขั้นไป/วัน |
ความสามารถในการรับออเดอร์ | 20 ออเดอร์/วัน | 40 – 100 ออเดอร์/วัน |
ความสามารถในการทำกำไร | 2000 บาท/วัน | 4000 – 10000 บาท/วัน |
ถ้าเพื่อนๆ ลองสังเกตข้อมูลจากตารางนี้ดีๆ แล้วจะพบว่าค่าเสียโอกาสถือเป็นปัจจัยที่สร้างความแตกต่างระหว่างผู้ที่ใช้บริการ Fulfillment และไม่ใช้ Fulfillment เพราะถ้าหากเราเปรียบเทียบค่าเสียโอกาส 1 ชั่วโมงเท่ากับเงิน 1000 บาท ที่จะได้จากการนำเวลาส่วนนี้ไปทำอย่างอื่น เช่น การขยายแผนธุรกิจหรือแม้กระทั่งปิดการขายลูกค้าคนอื่นๆ ซึ่งเวลาเฉลี่ยของการนั่งแพ็กและส่งออเดอร์แต่ละวันนั้นอยุ่ที่ประมาณ 4-6 ชั่วโมง/วัน ซึ่งเทียบเท่ากับ -4000 – 6000 บาท ตามตัวอย่างที่ได้ยกขึ้นมา
แต่ในขณะเดียวกันถ้าหากเราใช้บริการ Fulfillment ก็จะไม่ต้องเสียเวลากับการทำสต๊อกแพ็กและส่งสินค้า ซึ่งสามารถนำเวลาส่วนนี้ไปทำอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์กับธุรกิจได้หลายอย่างเทียบเท่ากับ +4000 – 6000 บาท
เห็นมั้ยครับว่าถึงแม้คนที่ใช้บริการ Fulfillment นั้นจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนของ ค่าจัดเก็บและค่าบริการนำสินค้าเข้าคลังมากกว่าคนที่จัดการทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง แต่หากเราพิจารณากันอย่างถี่ถ้วนแล้วค่าโอกาสของคนที่ไม่ใช้บริการ Fulfillment เมื่อเปลี่ยนเป็นค่าเงินตามตัวอย่างนั้นถือว่าสูงกว่ากันมาก
เพื่อนๆ จะเห็นได้ว่าการที่จะขยายธุรกิจหรือแม้กระทั่งเพิ่มช่องทางการขายโดยที่ไม่ต้องการจ้างคนเพิ่มนั้นก็สามารถเป็นไปได้เพียงแค่เพื่อนๆ ลองเปิดใจใช้บริการ Fulfillment ดู ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องที่ต้องอาศัยให้โชคช่วยแต่อย่างใด เพราะการที่เราไม่ต้องเสียเวลาและไม่ต้องเสียเงินจ้างคนเพิ่มกลับทำให้เรามีกำไรเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
ติดต่อเราโดยตรงได้ที่นี่
Add LINE: http://bit.ly/2O3nLFc
Inbox: m.me/akita.wh
โทร: 02-0263-250
คลิก! เพื่ออ่าน >> รวมบทความ Fulfillment
หรือลงชื่อเพื่อรับคำแนะนำระบบจัดการสต๊อก-แพ็ค-ส่ง สินค้าครบวงจร