ขณะที่พี่เอ็ด 7 วิ เจ้าพ่อแร็ปขายของขวัญใจชาวออนไลน์ กำลังแชร์ประสบการณ์ทำงานในฐานะวิทยากรรับเชิญงานiCreator Conference 2019 นั้น จู่ ๆ พี่แกก็พูดออกมาว่า “ปีหน้าคาดว่าผมคงจะไม่แร็ปแล้วครับ” สงสัยกันใช่ไหมครับว่าทำไม ทั้ง ๆ ที่การแร็ปทำให้พี่เอ็ดเป็นที่รู้จักมากขึ้นจนเรียกได้ว่าเป็น Signature ของเขาไปแล้ว ทำคลิปออกมาก็กระแสดีตลอด แบรนด์ต่าง ๆ ก็ติดต่องานเข้ามารัว ๆ ทำไมจะเลิกแร็ปซะหละ? ก่อนจะสงสัยไปมากกว่านี้เรามาดูมุมมองในการทำงานที่พี่เอ็ด 7 วิ ได้แชร์ในงานกันก่อนครับ รับรองว่าอ่านแล้วต้องเดากันได้แน่ ๆ ว่าเพราะอะไรพี่เอ็ดจึงคิดจะเลิกแร็ปขายของ
มุมมองการทำงานของพี่เอ็ด 7 วิ
ที่นำมาปรับเข้ากับแนวคิดทางธุรกิจได้
- มีเป้าหมายและรู้วิธีสร้างแรงผลักดัน หากถามถึงแรงผลักดันในการทำงาน พี่เอ็ดตอบว่า “ชีวิตผม drive ด้วยเงินครับ” ก็ถูกของพี่เขานะครับคนเรายังต้องการเงินในการดำรงชีวิต แล้วการทำคอนเทนต์ซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้ความสร้างสรรค์ก็ไม่ได้ทำกันง่าย ๆ ทั้งลงแรง ใช้เวลาคิด เวลาทำไปเยอะซะขนาดนี้ การใช้เงินเป็นแรงผลักดันให้มุ่งมั่นสร้างผลงานที่ดีที่สุดจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
แรงผลักดันจะเกิดขึ้นได้เมื่อคุณมี Goal หรือ เป้าหมาย ที่ช่วยกำหนดทิศทางการทำงานหรือการทำธุรกิจในลำดับถัดไป อย่างที่พี่เอ็ดมีเป้าหมายที่จะทำคลิปที่แตกต่างและสร้างสรรค์ แล้วใช้แรงผลักดันคือเงินเป็นตัวกระตุ้นให้มีแรงฮึดที่จะกลั่นกรองไอเดียที่ดีที่สุด จนสามารถสร้างคอนเทนต์ที่ถูกใจคนดูและได้เงินเป็นผลตอบแทนตามที่หวัง ในกรณีคนทำธุรกิจอย่างเรา หากคุณมีเป้าหมายที่จะพัฒนาสินค้าให้ผ่านมาตรฐาน เพื่อส่งออกไปขายยังต่างประเทศให้ได้ แรงผลักดันของคุณจึงอาจเป็นการเดินนำหน้าคู่แข่ง พร้อมกับความต้องการสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นกำหนด Goal ของคุณให้ชัดเจน เพื่อที่จะกำหนดทิศทางการทำงานได้ชัดเจนและรู้ว่าควรสร้างแรงผลักดันอย่างไรครับ
- สร้างความแปลกใหม่ด้วยการขยายมุมมอง วิธีหาไอเดียในการ “ขายตรง” หรือทำคอนเทนต์ที่คนดูก็รู้แหละว่าตั้งใจขายของแต่เขาก็ยังดูจนจบไม่มีเบื่อนั้น พี่เอ็ดเล่าว่าเมื่อรับบรีฟงานจากลูกค้ามาแล้ว เขาจะเริ่มคิดงานโดยการทำ Mind Mapping แตกกิ่งไอเดียจากตัวสินค้าขยายกรอบความคิดไปถึงสิ่งที่อยู่รอบ ๆ หรือเกี่ยวข้องกับสินค้านั้น (Think around the product)
ถ้าอยากพัฒนาก็ต้องหาทางก้าวออกจากกรอบเดิม ๆ ซึ่งก็คือการคิดให้กว้างขึ้น อย่างกรณีพี่เอ็ดที่เลือกจะทำคอนเทนต์ขายตรง ๆ แหวกจากอินฟลูเอนเซอร์รายอื่นที่พยายาม Tie-in ให้แนบเนียนที่สุดเพราะเป็นที่รู้กันว่าผู้ชมไม่อยากเสียเวลา 5-10 นาที ดูคอนเทนต์ที่เอาแต่ขาย เมื่อคนทำคอนเทนต์ก็อยากขายแต่คนดูก็คาดหวังว่าจะได้รับความบันเทิง ก็ต้องหาจุดร่วมโดยการสร้างเรื่องราวที่ให้ทั้งความบันเทิงและสามารถเชื่อมคนดูเข้ากับสินค้าได้ อย่างที่พี่เอ็ดยกตัวอย่างคลิปขายยาอมระงับกลิ่นปาก ที่พี่เอ็ดเลือกเชื่อมโยงเรื่องการสร้างความประทับใจในขณะสัมภาษณ์งานเข้ากับจุดเด่นของสินค้าที่ช่วยสร้างความประทับใจด้วยลมหายใจที่หอมสดชื่นได้ คลิปนี้จึงดึงดูดคนดูได้อยู่หมัดด้วยไอเดียดังกล่าวผสมกับมุขตลกที่คนเข้าใจได้ง่าย แถมผู้ชมยังจดจำและมีมุมมองต่อแบรนด์ในด้านบวกอีกด้วย สำหรับนักธุรกิจอย่างเราก็ลองทำ Mind Mapping เพื่อหาไอเดียอื่นที่อยู่ “รอบ ๆ สินค้า” ดูบ้างนะครับ เชื่อว่าต้องได้ไอเดียแปลกใหม่ต่อยอดสินค้าได้แน่นอน
- อย่าให้เวลามาจำกัดกรอบความคิดมากเกินไป ทำอย่างไรเมื่อคิดงานไม่ออก พี่เอ็ดตอบว่าบอกลูกค้าไปเลยว่าขอเลทนะ “คิดไม่ออกจริง ๆ” เพราะอยากให้ลูกค้าได้รับไอเดียที่ดีจริงๆ ถ้ารู้สึกว่าไอเดียยังไม่สุดยังทำได้ดีกว่านี้ ก็ไม่อยากปล่อยงานออกไป ซึ่งพี่เอ็ดก็ได้พูดเสริมอีกว่า “ถ้าคุณให้เวลา ผมจะคิดงานเกรดไม่ต่ำกว่าบีให้”
งานที่ดีต้องอาศัยเวลา การสร้างแบรนด์และทำธุรกิจก็เช่นกัน ถึงคุณมีเป้าหมาย แต่ถ้าอยากได้ไอเดียที่ดีที่สุดคุณก็ต้องให้เวลาตัวเองในการกลั่นกรองความคิดและเมื่อคิดจนได้ไอเดียที่แปลกใหม่แล้ว คุณก็ยังต้องการ “เวลา” ในการพัฒนาสินค้าซึ่งอาจจะต้องผ่านการออกแบบและทดลองใช้งานซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดังนั้นถ้าเป้าหมายคุณคือยอดขายหลักล้าน คุณก็ต้องใช้เวลาพัฒนาสินค้าจนกว่าจะได้เกรดเอก่อนปล่อยออกสู่ตลาด
- ระวังถูกกลืนหายเพราะทำอะไรเดิม ๆ การที่คนเห็นว่าพี่เอ็ดแร็ปขายของแล้วประสบความสำเร็จ นักสร้างคอนเทนต์คนอื่น ๆ จึงเริ่มหันมาใช้แนวทางเดียวกันนี้บ้าง ต่อไปนี้ถ้าจะทำคอนเทนต์ขายของแล้วพากันแร็ปเหมือนกันไปหมด ความแปลกใหม่ก็จะกลายเป็นความเคยชินและไม่น่าสนใจไปในที่สุด ดังนั้นพี่เอ็ดเลยคิดว่าปีหน้าควรจะลองทำคอนเทนต์แบบอื่นบ้าง ไม่เน้นแร็ปเหมือนที่ผ่านมา
และนี่คือคำตอบของสิ่งที่เราจั่วหัวไว้ตอนต้นถึงการ “เลิกแร็ปขายของ” ของพี่เอ็ด นั่นเป็นเพราะเขายังคงมีเป้าหมายที่จะแตกต่าง แม้ว่าในตอนนี้คอนเทนต์แร็ปของพี่เอ็ดยังเป็นที่ชื่นชอบก็จริง แต่เมื่อมีคนมาแร็ปเหมือนกันมาก ๆ ความแตกต่าง หรือ Signature ก็จะค่อย ๆ เลือนหายไป ก่อนที่จะเป็นแบบนั้นก็ต้องรีบ “เปลี่ยน” ไปสร้างงานรูปแบบอื่นบ้าง และเมื่อเราเริ่มทำอะไรที่แปลกใหม่ได้ก่อนใคร เราก็จะรักษาความเป็นผู้นำเทรนด์และถูกนึกถึงเป็นคนแรก สำหรับนักธุรกิจเองหากไม่อยากถูกกลืนหายไปท่ามกลางการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ในตลาด Mass ก็ต้องกล้าที่จะลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเองให้เร็วที่สุด เมื่อเริ่มมองเห็นความเป็นไปได้ที่อาจส่งผลลบกับธุรกิจ แม้การเปลี่ยนจะมีความเสี่ยงแต่ก็ยังเสี่ยงน้อยกว่าการที่คุณไม่ทำอะไรเลย และถ้าคุณทำสำเร็จคนแรกคุณก็จะถูกนึกถึงเป็นคนแรกได้เช่นกัน
สรุปง่าย ๆ ได้ว่า การมีเป้าหมาย คิดอย่างรอบด้าน ไม่ปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ด้วยกรอบเวลา กล้าที่จะเปลี่ยน เป็นแนวคิดที่ปรับใช้ได้กับทุกงานไม่เพียงแค่คนทำคอนเทนต์หรือนักธุรกิจเท่านั้น และผมขอเสริมอีกหนึ่งข้อคือการไม่หยุดที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เสมอเพราะยิ่งรู้เยอะคุณก็ยิ่งมีไอเดียไปต่อยอดและส่งเสริมการพัฒนางานตามแนวคิดข้างต้นให้ประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้นครับ
และถ้าอยากทำการตลาดออนไลน์เสริมความแกร่งให้แบรนด์ยิ่งขึ้น
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจาก Fuse ได้ตามช่องทางนี้เลย
Web: fuse.sellsuki.com
Facebook: m.me/fusebysellsuki
โทร: 020263250
Add LINE: @fusebysellsuki