ซีรีย์การตลาดคลาสสิคในยุคดิจิตัลวันนี้คงต้องขอคั่นด้วยตัวเลขสถิติของคนทั่วโลกเกี่ยวกับอะไรที่ใหม่และทันสมัยที่สุดและยังสำคัญสำหรับคนขายของออนไลน์แบบมากๆๆ เพราะมันคือสถิติเกี่ยวกับลักษณะและข้อสังเกตของการอ่านทางออนไลน์ โดยเป็นการวิเคราะห์สถิติที่มีอยู่มหาศาลออกมา เพื่อประโยชน์ของเหล่าเอเจนซี่ที่ต้องผลิตคอนเท้น รับทำเว็บไซน์ UX designer คนขายของออนไลน์ที่กำลังหาว่าจะเขียนคอนเท้นดึงคนให้แชร์ ให้จดจำเรา ลักษณะคอนเท้นควรจะเป็นอย่างไร บทความนี้คงให้ประโยชน์และจุดประกายให้ไม่น้อย
ก่อนอื่นเราต้องมารู้กันก่อนว่า… ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตอ่านน้อยมากแค่ไหน?
สรุป: สำหรับคนที่รีบ และไม่อยากอ่านรายละเอียดด้านล่าง เฉลยเลยล่ะกันนะคะ ผลของการวิจัยนี้สรุปออกมาว่า ในเว็บไซต์ส่วนใหญ่ ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตอ่านได้เพียง 28% ของคำในหน้านั้นๆ ก่อนจะจากไป และรองลงมาคือ 20 %
สำหรับคนที่อ่านต่อ…
ขอบคุณค่ะ อิอิ อ่านให้จบนะ
จากการวิจัยก่อนๆ เหล่านักวิจัยก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วแหละว่า.. ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตอ่านน้อยมาก…. ดังนั้นถ้าคุณคิดว่าตัวเองอ่านเยอะ…คุณคือคนที่ rare มากๆ
การกวาดตาอ่านนิยาย บทความ.. จะถูกพิสูจน์ด้วยการวิจัยการเคลื่อนไหวของตา (Eyetracking) ที่ Mashable ลงไปเมื่อสองวันก่อนนั่นแหละค่ะ รู้มั้ยว่า…ผลของการวิจัยมันออกมาแล้วนะ.. และพวกเขาก็ได้ใช้เทคนิคทางคณิตศาสตร์ มาช่วยสรุปว่า จริงๆ แล้วการอ่านบนอินเตอร์เน็ตของคนเรามันมากแค่ไหน (คือถ้าจะให้ถูกคือน้อยแค่ไหนนั่นเอง..)
การศึกษาการวิจัย
สำหรับฉบับเต็มกรุณาตามไปอ่านตามข้อมูลนี้เลยค่ะ
Harald Weinreich, Hartmut Obendorf, Eelco Herder, and Matthias Mayer: “Not Quite the Average: An Empirical Study of Web Use,” in the ACM Transactions on the Web, vol. 2, no. 1 (February 2008), article #5.
งานนี้ เจ้าคนเขียนงานวิจัยนี้ ได้ติดตามการใช้งานอินเตอรเน็ตของคน 25 คน โดยให้ถูกจัดขึ้นมาแบบเป็นธรรมชาติมาก เพราะเขาเพียงให้คนเหล่านั้นอินเตอร์เน็ตธรรมดาๆ เท่านั้น และเก็บข้อมูลเป็นรายงานไว้ทั้งหมด…
…….
..
( ข้อเสียของงานวิจัยนี้ คือคนทดลองทั้งหมดเป็นคนของมหาวิทยาลัย แต่เขาก็บอกว่านั่นไม่น่าจะเป็นปัญหาในการทดลองระยะยาว เพราะกลุ่มคนและระยะเวลามันซ้อนทับกันตลอด หากยกตัวอย่างการขุดข้อมูลมาวิเคราะห์ของนักวิจัยเหล่านี้ พวกเขาเปรียบเทียบสถิติปี 2004 และปี 2008 พบว่ากลุ่มผู้ใช้ที่เป็นคนระดับกลางในปี 2008 มีพฤติกรรมการใช้งานอินเตอเน็ตเหมือนกันกับกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นคนระดับสูงของปี 2004 ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่า กลุ่มผู้ใช้อินเตอร์เน็ตส่วนใหญ่ในปัจจุจุบันมีพฤติกรรมแบบกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นคนระดับสูง และมีแนวโน้มจะมากขึ้นอีกเรื่อยๆ )
งานวิจัยนี้คุ้มค่าที่จะอ่านจริงๆ ค่ะ…
ต่อมาคนเขียนวิจัยเรื่องนี้ได้พบอีกว่า ตอนนี้ปุ่มกด back ตาม web browser และบนมือถือยี่ห้อต่างๆ เป็นปุ่มที่มีคนกดมากเป็นอันดับสาม การคลิกอันดับหนึ่งยังคงเป็นการคลิกลิงค์แบบตัวอักษร (hypertext link) โดยอันดับสองที่แซงหน้าอันดับสามมาก็คือปุ่มบนหน้าเว็บ ไว้กดใช้ฟังก์ชั่นต่างๆ นั่นเอง
(ดังนั้นชาว SEO ก็ดีใจได้แล้วล่ะค่ะ inner link และ outer link ที่ทำก็จะไม่ศูนย์เปล่าแล้ว)
..แล้วก็ถึงเวลาเผยพฤติกรรมการอ่านในชีวิตจริงกัน
จากข้อมูลการอ่านหน้าต่างๆ บนอินเตอร์เน็ตตั้งแต่หน้าที่มี 30 คำ จนถึง 1,250 คำ สำหรับหน้าที่มีมากกว่า 1,250 คำมักเป็นหน้า terms & conditions งานวิจัย หรือนวนิยาย ซึ่งจะไม่นำมานับรวมด้วย
กราฟด้านล่างบ่งบอกความสัมพันธ์ของเวลาที่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตใช้ต่อเพจกับจำนวนคำที่ถูกอ่าน

internet users reading 2017 report’s statistic shows the normal speed of human ability to read per second.. (แปลไทยอ่านด้านล่างนะคะ..)
ดูจากกราฟทุกคนก็คงคิดว่าก็ถูกแล้วนี่ ยิ่งใช้เวลาเยอะก็ยิ่งอ่านเยอะ ไม่เห็นจะแปลก.. แต่ด้วยเทคนิคทางคณิตศาสตร์ นักวิจัยเขาก็หาค่าออกมาได้ว่าความเร็วที่ใช้ในการอ่านของผู้ใช้คือ 4.4 วินาที/ 100 ตัวอักษร…
ซึ่งเวลาปกติที่คนเราใช้ในการอ่านคือ 200 ตัวอักษร ต่อ 1 นาที (คือ 30 วินาทีควรอ่านได้ 100 ตัวอักษรในการอ่านปกติ) แต่กลุ่มคนผู้ถูกทดลองในงานวิจัยนี้ฉลาด งั้นให้เก่งๆ เลยคะ 250 ตัวอักษร ต่อ 1 นาที ซึ่งด้ยวความเร็วนี้ พวกเขาจะอ่านได้ 18 ตัวอักษรใน 4.4 วินาที.. ซึ่งก็หมายความว่าผู้ใช่อินเตอร์เน็ตอ่านเร็วขึ้นประมาณ 5 เท่า ดังนั้นการใช้คำฟุ่มเฟือย บรรยายทางเทคนิค ศัพท์เทคนิคต่างๆ ..อาจจะมีเปอร์เซ็นต์การถูกอ่านเพียงแค่ 18 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นค่ะ
..ต่อมาเรามาดู.. เปอร์เซ็นต์ของคำที่ถูกอ่าน จากคำทั้งหมดบนหน้าเพจกันค่ะ ว่าจะมีอะไรเซอร์ไพร์สมั้ย……………?
นักวิจัยเขายังสามารถบอกได้อีกว่า ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตใช้เวลาในการทำความเข้าใจส่วนต่างๆ ของเพจ (Page Layout) และปุ่มต่างๆ และยังดูรูปอีกด้วย โห.. แล้วแบบนี้จะเหลือเวลาในการอ่านจริงๆ เท่าไหร่ล่ะเนี่ย..
มาดูกราฟกันจะได้เข้าใจกันได้มากขึ้นนะคะ เป็นกราฟความสัมพันธ์ของคำที่ผู้ใช้สามารถอ่านได้ และคำทั้งหมดในหน้าเพจนั้นๆ (แม้จะแอบบวกเวลาเพิ่มให้แล้วก็ตาม)
กราฟมันตกจนน่าใจหายใช่มั้ยล่ะคะ.. จากจำนวนเฉลี่ยของการเยี่ยมชมหน้าเว็บ ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตอ่านเนื้อหาที่เว็บไซต์ต้องการนำเสนอเพียงครึ่งเดียว แถมยังอ่านจากหน้าที่มีแค่ 111 ตัวอักษรหรือน้อยกว่าอีกต่างหาก… หน้าเว็บต่างๆ มีีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 593 ตัวอักษร ซึ่งหากผู้ใช้อินเตอร์เน็ตใช้เวลาไปกับการอ่านจริงๆ พวกเขาจะอ่านได้เพียง 28% ของเนื้อหาทั้งหมด แต่ถ้านับตามความจริงแล้วมันจะลดลงมาเหลือเพียง 20 % ของเนื้อหาทั้งหมดเท่านั้นค่ะ
แต่บางเว็บไซต์ก็ทำบทความ เพราะต้องการเจาะกลุ่มคนที่ให้ความสำคัญกับอุตสาหรรมที่ทำ หรือเรื่องที่บริษัทต้องการนำเสนอแบบจริงจังเท่านั้น แม้จะเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่ก็เป็นกลุ่มที่มีคุณภาพมากค่ะ แต่ถ้าธุรกิจของคุณต้องการเจาะตลาดกลุ่ม mass หรือการบริการต่อลูกค้า 1 คน จนกระทั่งลูกค้าจากเราไปนั้นแค่มีระยะเวลาแค่ 2-3 ปี การใช้คำน้อยๆ จะได้ผลกว่าค่ะ
อ่านรายงาน การติดตามการเคลิื่อนไหวของดวงตา ในกลุ่มคนใช้อินเตอร์เน็ต ของจริง กดอ่านที่นี่
หากใครอยากให้มีตอนพิเศษ
เรื่อง.. เทคนิคการเขียนสำหรับเว็บไซต์
ช่วยกดหัวใจ กดแชร์ ที่หน้า facebook และคอมเม้นบอกแม่ค้ากันด้วยนะคะ
========== ซีรีย์การตลาดคลาสสิคในยุคดิจิตัล ==========
ซีรีย์ การตลาดคลาสสิคในยุคดิจิตัล ตอนพฤติกรรมลูกค้า
การตลาดออนไลน์ | การตลาดคลาสสิคในยุคดิจิทัล ตอน ทฤษฎีลับคมกลยุทธิ์ของ Ansoff Matrix
=============================
พูดคุยเรื่องทางธุรกิจและสร้าง Connection กับเพื่อนร้านค้าเจ้าอื่นๆ ได้ที่นี่เลยฮะ กรุ๊ปร้านค้าผู้น่า Like by Sellsuki อย่าลืม! ตอบคำถามก่อนเข้ากรุ๊ปด้วยน้า ^^