หัวข้อ: ซีรีย์การตลาดคลาสสิคในยุคดิจิทัล
สวัสดีค่ะ นี่ก็ถือเป็นบทความแรกของซีรีย์การตลาดออนไลน์ เพื่อคนขายของออนไลน์ที่สนใจอยากศึกษาทฤษฎีการตลาดแบบคลาสสิค โดยผู้เขียนตั้งใจที่จะบอกเล่าการประยุกต์แนวคิดเหล่านี้กับธุรกิจออนไลน์ โดยหวังให้คนขายของออนไลน์ได้นำไปลองปรับใช้จริงดู
ในวันนี้ขอนำเสนอเป็นทฤษฎีการพัฒนากลยุทธ์ ชื่อทฤษฎี Ansoff ซึ่งคิดโดย Igor Ansoff ปี 1965 ใช้ในพัฒนากลยุทธ์ธุรกิจ เป็นวิธีที่่มีการใช้อย่างแพร่หลายเพราะความธรรมดา เข้าใจง่าย และความแม่นยำที่สูงมาก ว่ากลยุทธ์ใดปัง หรือ ไม่ปัง หากมีการวิเคราะห์ที่ละเอียดพอสมควร
จาก diagram ด้านล่าง จะทำให้เรามองเห็นสินค้าเราในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน 4 สถานการณ์ จึงเป็นวิธีที่ดีมากๆ ในการหากลยุทธ์ทางการตลาดที่มีคุณภาพ
ตอนที่ 1 ประยุกต์ทฤษฎีเฟ้นหากลยุทธ์สุดคม ของ Ansoff Matrix
เรามาเริ่มกันเลยดีกว่านะคะ
Igor Ansoff (1918-2002) บิดาแห่งศาสตร์ด้านกลยุทธ์สมัยใหม่
ทฤษฎี Ansoff Matrix เน้นพิจารณาสินค้าและตลาดคู่กัน เพื่อเฟ้นหากลยุทธ์ที่เหมาะสมกับธุรกิจ เช่น เราควรขายสินค้าปัจจุบันในตลาดปัจจุบันต่อไปหรือไม่ หรือควรพัฒนาสินค้าใหม่แต่ขายในตลาดเดิม
ด้านล่างเป็นตัวอย่างการวิเคราะห์ช่องต่างๆ เพื่อหาข้อสรุปว่าควรเลือกแผนไหนดี
Market Penetration หรือการเลือกที่จะยึดครองส่วนแบ่งตลาดในตลาดปัจจุบันให้มากขึ้น โดยใช้สินค้าเดิม
หากการขายบน Social media ใดๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram หรือ [email protected] ยังสามารถสร้างยอดขายให้คุณได้เรื่อยๆ และยังมีกลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจในสินค้าของคุณอยู่อีกมากที่ยังไม่เคยเห็นสินค้าของคุณ เช่น คุณขายแว่น VR นำเข้าจากจีน แล้วคุณยังพบว่ามีกลุ่มคนที่สนใจกล้อง VR บน Facebook ทั้งหมด 8 ล้าน คน แต่เพจของคุณยังมีคนไลค์เพียง 500 คน และไม่มีร้านอื่นขายแข่ง แถมที่ผ่านมาการทำโฆษณาของคุณ ก็เป็นเพียงการคลิกปุ่ม Boost Post ธรรมดา ไม่เคยใช้ Audience insight หรือ FB Ads มาทดสอบแคมเปญและทดสอบลูกค้ากลุ่มอื่นเลยนั้น ก็เหมาะสมดีหากร้านค้าจะทำการเพิ่มงบประมาณและลองใช้เครื่องมืออื่นๆ ของ Facebook ดูเพื่อขยายกลุ่มลูกค้า เทคนิคเพิ่มยอดขายบน Facebook
หากเลือกที่จะใช้วิธีนี้ เราอาจจะถามคำถามเหล่านี้กับตัวเองและทีมงานเพื่อหาแนวทางการทำงานเพื่อขยายส่วนแบ่งตลาด
-เราจะคงค่าส่วนแบ่งการตลาดที่มีอยู่แล้วยังไง?
-เราจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดยังไง? โดยเป็นกลุ่มเป้าหมายใด?
หรือไม่ก็ลองดูวิธีการโพสแบบใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำ อาจจะเป็น storyboard วิดิโอ การโฆษณาก็ลองหาพื้นที่ลงทางอื่น เช่น Newsfeed Instant Article หรือ Right Column ลองโฆษณาแบบเน้น Conversion, Awareness, Lead หรืออื่นๆ บ้าง หรือจะเป็นการนำเสนอสินค้าด้วยแนวคิดใหม่ๆ ด้วยการเล่นกับอารมณ์ของกลุ่มเป้าหมาย เล่นกับ pain point ที่ต่างกัน เป็นต้น
Product Development การนำสินค้าตัวใหม่มาขาย
สมมุติแบบเดิมว่าร้านค้าขายแว่น VR รุ่นที่สั่งมาเริ่มตกรุ่นแล้ว และตอนนี้มีเทรนแว่นรุ่นใหม่ออกมา ตรวจสอบการค้นหาคำๆ นี้แล้วพบว่ามีการค้นหาต่อเดือนในปริมาณที่สูงมากถึง 8 แสนครั้ง ณ จุดๆ นี้การสั่งแว่นรุ่นใหม่มาขายบน Facebook เหมือนเดิมดูจะเป็นสิ่งที่ควรทำ
หากคุณขายสินค้าพวกครีม หรือสินค้าที่สามารถพัฒนาสูตรหรือกลไกการทำงานได้ อาจจะลองถามตัวเองดูว่า…
การเพิ่มคุณค่าให้แบรนด์ด้วยการพัฒนาสินค้าเดิมหรือทำสินค้าใหม่จะดีกว่ากัน?
Market Development การขยายสินค้าตัวเดิมออกสู่ตลาดใหม่
เมื่อร้านขาย VR ของคุณ ได้ส่วนแบ่งตลาดบน Facebook ไปประมาณนึงแล้ว มีคนกดไลค์ 7 ล้านคน จาก 8 ล้านคนที่ให้ความสนใจแว่น VR คุณอาจจะพิจารณา Social media ใหม่ที่เหมาะให้คุณขยายตลาด คุณอาจจะเลือก Instagram เพราะเหมาะกับ Content แบบวิดิโอและรูปภาพ ซึ่งเหมาะกับการโปรโมท VR
สิ่งสำคัญที่คุณกับทีมควรให้ความสนใจคือ กลุ่มเป้าหมายของคุณใช้งาน Social media ไหนมากกว่ากัน และกลุ่มเป้าหมายกลุ่มนั้นมีพฤติกรรมการใช้อินเทอเน็ตยังไง ต่างจากกลุ่มเป้าหมายที่อยู่บน Facebook มากน้อยแค่ไหน กฏข้อบังคับ และความสะดวกสบายในแง่ของการทำโฆษณาของ Social media นั้นๆ ง่ายๆ คือดูว่า Social media ใดเหมาะกับร้านค้าของคุณมากกว่ากัน
Diversification บุกตลาดใหม่ ด้วยสินค้าใหม่
อาจจะเป็นกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่ว่าจู่ๆ Social media หนึ่งเกิดได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก หรือคุณเห็นโอกาสในการขายสินค้าตัวอื่นที่คาดว่าจะขายดีบน Social media อื่น เช่น ขายยาสมุนไพรจีนให้กลุ่มผู้สูงวัยผ่านช่องทาง Line หรือคุณขายแว่น VR แต่คุณเห็นว่าการขายเสื้อผ้าบน Instagram เป็นตลาดที่น่าสนใจมากและธุรกิจเดิมเริ่มนิ่งแล้ว ช่วงนี้เบื่อๆ เหงาๆ แถมคุณเองก็ชอบเรื่องแฟชั่นอยู่แล้ว จึงอาจจะลองเริ่มขายเสื้อผ้าบน Instagram ดู
สุดท้ายนี้เราอยากฝากผู้อ่านว่า..
คุณเองก็สามารถนำทฤษฎีทางการตลาดเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้กับร้านค้าออนไลน์ของคุณได้เช่นกัน การคำนวณตัวเลขความเป็นไปได้ ความยาก/ง่าย หรือจำนวนคู่แข่งของแต่ละตลาด ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกว่าธุรกิจของคุณควรจะไปในทิศทางไหน
ขอให้ทุกคนโชคดีค่ะ
พูดคุยเรื่องทางธุรกิจและสร้าง Connection กับเพื่อนร้านค้าเจ้าอื่นๆ ได้ที่นี่เลยฮะ กรุ๊ปร้านค้าผู้น่า Like by Sellsuki อย่าลืม! ตอบคำถามก่อนเข้ากรุ๊ปด้วยน้า ^^