กลับมาอย่างยิ่งใหญ่และน่าติดตามสำหรับมหากาพย์ซีรีส์ Game of Thrones ที่หลายคนตั้งตารอ หากมองไปที่เบื้องหลังความสำเร็จนอกจากเนื้อหา ความอลังการที่ชวนให้ติดตามแล้ว ทีมงานยังอัดฉีดงบมหาศาลไปกับการทำการตลาดเพื่อ “สร้างแบรนด์” ให้แข็งแกร่ง ดึงดูดแฟนๆไม่ให้หนีไปไหน ขณะเดียวกันก็กระตุ้นความสนใจจากคนดูกลุ่มใหม่ให้เข้ามาติดตามบ้าง หนึ่งในกรณีศึกษาที่น่าสนใจจากซีรีส์เรื่องนี้นั่นก็คือกลยุทธการตลาดเจาะกลุ่ม Millennials ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการซื้อและให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่ได้รับจากการซื้อ นักการตลาดอย่างเราจะนำวิธีคิดเหล่านี้ไปปรับเข้ากับธุรกิจได้อย่างไรบ้างไปติดตามกัน
ให้ความสำคัญกับ User Experience (UX)
ด้วยความที่ซีรีส์มักจะซ่อนรายละเอียดเล็กๆเอาไว้ให้แฟนๆได้ปะติดปะต่อเรื่องราวจากตอนก่อนหน้าเข้ากับเนื้อหาในตอนถัดไป ในทางกลับกันการทำแบบนี้อาจสร้างความอึดอัดให้กับคนดูที่ไม่สามารถจดจำรายละเอียดเล็กๆและเดาทางต่อไม่ได้ ทีมงานจึงได้จัดทำ VDO ที่ชื่อว่า The Game of Thrones Beginner’s Guide เป็นการสรุปเนื้อหาเพื่อให้ผู้ชมกลับมาทำความเข้าใจและรู้สึกเข้าถึงเนื้อหาซีรีส์ได้มากขึ้น โดยได้นำฉากสำคัญมาเล่าใหม่ให้สนุกขึ้นด้วยการสอดแทรกอารมณ์ขัน เพิ่มอรรถรสเข้าไปอีก นอกจากนี้การเป็นพาร์ทเนอร์กับผู้ให้บริการ TV Streaming เจ้าอื่นๆ ยังช่วยขยายช่องทางให้ผู้ชมในต่างประเทศเข้าถึงการรับชมได้ง่ายขึ้นแทนที่จะดูผ่าน HBO ได้ช่องทางเดียวเหมือนแต่ก่อน
ใช้โซเชียลมีเดียปั่นกระแสได้ถูกเวลา
การที่ซีรีส์มีฐานแฟนเหนียวแน่นอยู่แล้ว หลังดูซีรีส์จบแต่ละตอนก็มักจะมีประเด็นให้แฟนๆได้ไปขบคิดและถกเถียงกันต่อผ่านโซเชียลมีเดีย ตรงนี้จึงเป็นโอกาสให้ทีมงานได้กระโดดเข้าไปปลุกปั่นกระแสซีรีส์ให้ร้อนขึ้นกว่าเดิมได้ผ่านแคมเปญออนไลน์เชิญชวนให้แฟนๆเข้ามามีส่วนร่วม ตัวอย่างของแคมเปญที่ประสบความสำเร็จคือ #RoastJoffrey ที่ให้แฟนๆได้แสดงความคิดเห็นถึงตัวละครที่พวกเขาทั้งโกรธและเกลียดอย่าง Joffrey และอีกแคมเปญชื่อ #FortheThrone ที่ปล่อยออกมาเรียกน้ำย่อยก่อนที่ซีรีส์ซีซั่นใหม่จะเริ่มฉายซึ่งช่วยดึงกระแสให้คนสนใจและยังช่วยกระตุ้นให้แฟนๆ จดจำโมเมนต์สำคัญของซีรีส์ที่ดำเนินมาตลอด 9 ปีได้เป็นอย่างดี
สร้างคอนเทนต์เฉพาะ เล่าเรื่องให้เหมาะกับผู้ชมแต่ละแบบ
ผู้ชมกลุ่ม Millennials ชอบคอนเทนต์เบื้องหลังการถ่ายทำเพราะพวกเขารู้สึกว่าได้ใกล้ชิดกับนักแสดงเหมือนเป็นคนคุ้นเคยในชีวิตจริงมากขึ้น จากการได้เห็นบรรยากาศการทำงานจริง ได้ฟังเรื่องราวความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตัวตนจริงๆของนักแสดง ทีมงานจึงผลิตคอนเทนต์ชื่อว่า The Cast Remembers ให้นักแสดงหลักเล่าถึงประสบการณ์จากการแสดงเป็นตัวละครนั้นๆ ว่าส่งผลถึงการใช้ชีวิตจริงอย่างไรตลอดช่วงเวลาการทำงาน และไม่เพียงแค่เรื่องราวของนักแสดง ทีมงานยังนำองค์ประกอบด้านอื่นๆ ของซีรีส์มาทำคอนเทนต์ขยายความต่อ โดยเจาะลึกลงไปถึงขั้นตอนการผลิต เพื่อให้คนที่มีความสนใจเฉพาะในแต่ละเรื่องเข้าถึงความรู้สึกร่วมได้มากขึ้น เช่น เบื้องหลังการทำเสียงประกอบสำหรับผู้ชมที่ชื่นชอบเรื่องดนตรี เบื้องหลังการออกแบบเสื้อผ้าสำหรับคนรักแฟชั่น เบื้องหลังการทำงานของทีมช่างภาพและการตัดต่อสำหรับคนที่สนใจด้านภาพยนตร์
เข้ากับทุกคนได้ง่าย แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของตัวเองได้ดี
หนึ่งในจุดยืนของแบรนด์ Game of Thrones คือการเข้ากับทุกคนได้ภายใต้ความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตัวอย่างที่เราเห็นได้ชัดเจนคือการร่วมงานกับหลากหลายแบรนด์ที่มักสร้างเซอร์ไพรส์เสมอ แม้จะเป็นผลงานร่วมกันแต่แฟนๆ ก็ยังคงได้กลิ่นอายของแบรนด์ Game of Thrones ชัดเจน อย่างการทำ mixtape ชื่อว่า Catch the Throne รวมผลงานเพลงจากศิลปินแรปชื่อดัง ฝั่งอุตสาหกรรมแฟชั่นก็ผลิตเสื้อผ้าคอลเลคชั่นพิเศษชื่อ Rep the Realm วงการเครื่องดื่มก็ไม่น้อยหน้าได้นำลักษณะเด่นของตัวละครมาผลิตเป็นคราฟท์เบียร์รุ่นพิเศษ และอีกหนึ่งตัวอย่างจากโอริโอ้ที่ออกแบบทั้งแพ็กเกจพิเศษไปถึงตัวขนมที่มีความเป็น Game of Thrones ออกมากับเขาด้วย

ที่มา: beerconnoisseur.com
จะเห็นได้ว่าการทำการตลาดให้ประสบความสำเร็จนั้นหัวใจสำคัญอยู่ที่การเข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการสื่อสารด้วย เมื่อพื้นฐานผู้ชมกลุ่ม Millennials มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่ได้จากสินค้า และชอบสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย เจ้าของแบรนด์ก็ต้องรู้จักวิธีการเข้าหาและจูงใจด้วยสิ่งที่พวกเขาสามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ง่าย ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างแบรนด์ให้แข็งแรงและรักษาจุดยืนให้คนจดจำเราได้
ใครที่สนใจอยากพูดคุยเรื่องทางธุรกิจและสร้าง Connection กับเพื่อนร้านค้าเจ้าอื่นๆ กดเข้ามาเพื่อเข้ากรุ๊ปได้ที่นี่เลยค่ะ กรุ๊ปร้านค้าผู้น่า Like by Sellsuki อย่าลืม! ตอบคำถามก่อนเข้ากรุ๊ปด้วยนะ ^^
ที่มา: www.agencysparks.com