“แม่ค้าผู้น่าlike”เอาใจคนรุ่นใหม่ที่อยากขายของออนไลน์บน facebook ด้วยคอมลัมน์พิเศษ“เปิดคัมภีร์ ขายของบน facebook” คอลัมน์ที่จะนำเสนอทุก Step ของการขายของออนไลน์บน facebook ตั้งแต่เริ่มเปิดร้าน ไปจนถึงการบริหารร้านให้ได้ตลอดรอดฝั่ง ทั้งนี้หากเพื่อนๆ มีข้อเสนอแนะ หรือ มีเคล็ดลับดีๆ ที่อยากแชร์ให้เพื่อนคนอื่นๆ ก็สามารถคลิกมาคุยกับ “แม่ค้าผู้น่าlike”ได้ที่ https://www.facebook.com/messages/maekapoohnalike ได้เลยค่ะ : )
ความเดิมตอนที่แล้ว เราได้พูดถึงการเปิดแฟนเพจเพื่อใช้เป็นร้านค้าออนไลน์แบบถูกวิธีกันไปแล้ว (อ่านตอนที่แล้วคลิกที่นี่) คราวนี้มาถึงตอนสำคัญที่ทุกอยากรู้มากที่สุด นั่นก็คือ “ร้านยังไม่เป็นที่รู้จักแล้วจะไปเอายอดไลค์มาจากไหน???” วันนี้..ทุกคนจะได้รู้กันซะที
เพิ่งเปิดร้านใหม่ ต้องเสียตังค์โฆษณากับ facebook เลยจริงหรือ?
คำตอบคือ ผิด ! เพราะร้านเปิดใหม่อย่างเรา ยังไม่ทันได้มี content (โพส/เนื้อหา) ที่น่าสนใจ รูปภาพสินค้าก็เพิ่งอัพโหลดไปไม่กี่ภาพ…ขืนเราเสียตังค์โฆษณาให้คนมากดไลค์ ก็เท่ากับว่าเราเสียตังค์แทบจะฟรีๆ เพราะคนที่เปิดเข้ามาดูเพจเรา เห็นแต่ความว่างเปล่า แล้วแบบนี้ ใครมันจะอยากมากดไลค์ให้เรากันล่ะคะ? ดังนั้น การรีบจ้าง facebook ทำโฆษณาตั้งแต่ตอนแรก จะเป็นการสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์
100 ไลค์แรกนั้น สำคัญไฉน?
100-1000 ไลค์แรกนั้น สำคัญมาก เพราะยอดไลค์จำนวนนี้ ต่อไปในอนาคตจะกลายเป็น “เครื่องมือดูดไลค์ชั้นดี” เมื่อเราเริ่มลงโฆษณากับ facebook การได้มาซึ่ง 100-1000 ไลค์แรก ไม่ใช่ความลับอะไรเลย วิธีการก็มีดังนี้ค่ะ
1.ส่งคำเชิญlike ไปหาเพื่อน
ที่หน้าเพจร้านของเรา จะมีปุ่มสำหรับส่งคำเชิญให้เพื่อนๆบนเฟสมาไลค์เพจของเรา ตอนนี้ให้เราส่งไปหาเพื่อนให้ได้มากที่สุด ข้อเสียคือ เพื่อนมักไม่ค่อยสนใจ เลยได้ยอดกลับมาน้อย (แต่ก็ต้องทำนะคะ)
2.ทักไปคุยกับเพื่อนตรงๆเลย ว่าช่วยมาไลค์เพจเราหน่อย
วิธีนี้อาจจะดูน่ารำคาญ แต่ถ้าเราใช้คำพูดดีๆ หรือเสนอโปรโมชั่นพิเศษเมื่อกดไลค์เพจ วิธีนี้ก็ได้ผลไม่เลวเลยล่ะ
3.เข้าไปฝากเพจแบบไม่น่าเกลียด
เดี๋ยวนี้มองไปทางไหนก็เจอแต่แม่ค้าฝากเพจ บางทีมันก็ดูไม่ดีนะ เช่น มีข่าวเชื้ออีโบล่ากำลังแพร่ละบาด พอเลื่อนคอมเม้นไปเจอข้อความจำพวก “ขออนุญาติฝากร้านหน่อยนะคะ…..บลาๆ” มันเป็นอะไรที่นอกจากจะไม่สมเหตุสมผลแล้ว ยังดูน่ารำคาญเอามากๆ กลายเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดีให้กับร้านค้าของเราโดยไม่รู้ตัวเลยล่ะ ทางที่ดี เพื่อนๆควรจะเข้าไปฝากเพจตามที่ที่เหมาะสม เช่น
– Group ใน Facebook ที่เกี่ยวกับสินค้าของเรา เช่น เราขายหมวกกันน็อคเท่ๆ ก็เข้าไปโพสฝากร้านที่ Group คนรักมอเตอร์ไซค์ หรือสมมุติเราขายเสื้อผ้าเด็ก ก็เข้าไปโพสฝากร้านที่ Group แม่และเด็ก
– โพสตามเว็บบอร์ด ใช้หลักการเดียวกันกับ Group บน facebook ได้เลยค่ะ คือ เข้าไปตามเว็บไซต์ที่คิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับสินค้าของเรา เช่น เว็บรวมคอร์ดอูคูเลเล่และคอร์ดกีต้าร์ เราก็อาจจะนำเพจร้านขายอุปกรณ์ดนตรีของเราไปโพสไว้ในนั้นก็ได้
เพียงเท่านี้ เราก็จะได้กลุ่มคนจำนวนหนึ่ง ที่มีแนวโน้มว่าน่าจะสนใจสินค้าของเรา มากดไลค์เพจ ซึ่งถือว่าเป็นไลค์ที่มีคุณภาพ
– โพสตามเว็บฟรีโฆษณา การโพสแบบนี้ไม่หวังไลค์ที่มีคุณภาพเหมือน 2 ข้อบน แต่เราหวังผล SEO หรือก็คือ “แนวโน้มที่คนจะเสิจเจอจากGoogle นั่นเอง” ยิ่งมีเรื่องของเราอยู่ตามเว็บต่างๆมากเท่าไหร่ ก็มีแนวโน้มว่าคนจะเจอเราจาก Google มากขึ้นเท่านั้น ตัวอย่างเว็บที่ให้ลงโฆษณาฟรีก็เช่น olx.co.th pantipmarket.com promotethaibiz.com cmprice.com ฯลฯ

ภาพจากเว็บ olx
4. แลกไลค์ ไม่ต้องใช้เงิน
เดี๋ยวนี้มีหลายเว็บ ที่เปิดให้เราเข้าไป “แลกไลค์” ซึ่งเราไม่ต้องเสียตังค์เลย เพียงแต่อาจจะเมื่อยนิ้วสักหน่อย ที่ต้องมาคอยนั่งคลิกไลค์ให้คนอื่น เรียกได้ว่า อยากได้ยอดเยอะก็คลิกเยอะ อยากได้ยอดน้อยก็คลิกน้อย รายละเอียดเพิ่มเติม ลองถาม Google ดูได้เลย
ตอนนี้เราได้ทั้ง ยอดไลค์คุณภาพ(คือไลค์เพราะสนใจจริงๆ) จากการโพสตามกลุ่มที่สนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
และ
ยอดไลค์ที่เอาแต่จำนวน (ไลค์แต่อาจจะไม่สนใจร้านของเราเลย) แต่ต้องหาไว้บ้าง เพื่อให้ร้านของเราดูดี ดูน่าเชื่อถือ เช่น มีร้าน 2 ร้าน ร้านA มี 300 ไลค์ ร้านB มี 1,500 ไลค์ ลูกค้าคงอยากซื้อของกับร้าน B มากกว่าอยู่แล้ว
เมื่อเราได้ยอดไลค์มาจำนวนหนึ่งแล้วล่ะก็… ต้องติดตามตอนต่อไปให้ดี! เพราะสัปดาห์หน้าเราจะมาสอนการลงโฆษณาบน facebook แบบ step-by-step ที่ใครๆก็อยากรู้ อย่าพลาดเชียวล่ะ!
่