สวัสดีค่ะเพื่อนๆ เจ้าของร้านออนไลน์ทุกท่าน วันนี้ “แม่ค้าผู้น่าlike” ขอมาแชร์ประสบการณ์การทำโฆษณาบน IG ที่มีหลายคนสนใจอยากลงลงทุนกับช่องทางโปรโมตนี้บ้าง เดี๋ยวเรามาวิเคราะห์ไปด้วยกันทีละส่วนเลยนะคะว่า การลงโฆษณาบน IG มันคุ้มค่าสำหรับธุรกิจของเพื่อนๆ จริงหรือคิดไปเอง?
คนเล่น IG มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ปัจจุบันมีคนที่เล่น IG ทั่วโลกกว่า 400 ล้านคน เฉพาะในไทยมีคนที่เล่น IG มากถึง 1.7 ล้านคน และข้อมูลที่สำคัญมากๆเลยอีกหนึ่ง นั่นก็คือ “IG มีผู้หญิงเล่นมากกว่าผู้ชาย คิดเป็นสัดส่วน 65-35 ” เลยล่ะคะ… เริ่มเห็นอะไรบางอย่างแล้วใช่มั้ย?
กลุ่มคนเล่น IG มีลักษณะพิเศษกว่าคนทั่วไป
นอกเหนือจากมีผู้หญิงเล่น IG มากกว่าผู้ชายเท่าตัวแล้ว ปัจจุบัน IG ยังเป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ผ่านรูปภาพ เรามักจะไม่ค่อยเห็น IG ถูกใช้ระบายปัญหาชีวิตเท่า facebook หรือ Twitter แต่มักจะเห็นแต่ละคนอวดสถานที่กิน ดื่ม เที่ยว เก๋ๆ หรือไม่ก็การแต่งตัว การรักษารูปร่างให้ดูดี มากกว่า
ธุรกิจที่เหมาะกับการลงโฆษณาบน IG คือ…
จากการสังเกตส่วนตัวของ “แม่ค้าผู้น่าlike” เราพบว่า ถ้าร้านไหนขายเกี่ยวกับเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย หรือของสวยๆ งามๆ ผลลัพธ์จากการลงโฆษณาบน IG จะเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากๆ มากกว่าการลงโฆษณาบน facebook ซะอีกค่ะ สาเหตุก็ตามบรรทัดบนๆที่เพิ่งบอกไปนั่นเอง นอกจากร้านเสื้อผ้าแฟชั่นออนไลน์แล้ว ร้านค้าที่ขายของกลุ่มดังต่อไปนี้ ถือว่าเหมาะมากๆ ที่จะลงทุนกับ IG ค่ะ
1. ร้านเสื้อผ้าแฟชั่น
2. ร้านเครื่องประดับ แอคเซสซอรี่ ดีไซน์ทันสมัย
3. ร้านรับหิ้วของแบรนด์นอก
4. ร้านขายอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับกีฬา Sportware อาหารเสริมเพื่อรูปร่าง
5. ร้านขายอาหาร (ใช่คะ ฟังไม่ผิด อาหารนี่ล่ะ) ยิ่งถ้าเป็นอาหารคลีน หรือดูยั่วน้ำลายทำให้เกิดได้ไม่ยากเลย
6. ร้านขายเครื่องสำอาง
7. ร้านขายของ Handmade พวกของทำมือที่มีดีไซน์โดนใจวัยรุ่น
8. และร้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับความสวยงามและไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่น-วัยทำงานค่ะ
เมื่อลงโฆษณาพร้อมกัน 2 ที่ ใครจะชนะ facebook vs IG ?
หมายเหตุ: การทดลองนี้เป็นการทดลองจากร้านขายกระเป๋าของ “แม่ค้าผู้น่าlike” เองค่ะ ดังนั้นผลลัพธ์ที่ได้อาจจะแตกต่างไปจากของเพื่อนๆ ที่ขายสินค้าอย่างอื่น/มีกลุ่มเป้าหมายแบบอื่น/และใช้Contentโฆษณาแบบอื่นค่ะ
จากภาพ “แม่ค้าผู้น่าlike” ทดลองหาช่องทางที่เข้าถึงลูกค้าได้มากที่สุด โดยสร้างแคมเปญโฆษณาผ่าน facebook ในส่วนของ Ads Placement (ตำแหน่งที่อยากให้โฆษณาปรากฎ) เราเลือกเป็น 1.Desktop News Feed 2.Mobile News Feed 3.Instagram โดยเลือกการแสดงผลให้เป็นแบบ Post Engagement หรือก็คือ แสดงผลยังไงก็ได้ตามใจ facebook แต่ขอให้คนจำนวนมากที่สุด เข้าถึงและอินกับโพสต์ของเรามากที่สุดค่ะ งบที่ใช้ในการทดลอง คือวันละ 150 บาทค่ะ
เมื่อกลับบ้านมาตอนค่ำๆ เรากลับมาเปิดดูกร้าฟการเข้าถึงที่ facebook สรุปให้ในแต่ละวัน ผลออกมาเป็นดังนี้
จะพบว่า โพสต์โฆษณาเดียวกัน แต่ผู้ชมที่เล่น IG กลับให้ความสนใจโพสต์ดังกล่าวมากกว่า facebook จึงคำนวณให้โฆษณาไปปรากฏอยู่ที่ IG มากที่สุด แถมราคาต่อ 1 Engagement ก็ถูกกว่าด้วยค่ะ
ดังนั้น การลงโฆษณาลง IG ผ่าน facebook ก็เป็นอีกช่องทางโปรโมตร้านที่น่าสนใจ (สำหรับร้านขายของเกี่ยวกับความงามและไลฟ์สไตล์) เนื่องจากสามารถทำได้ง่ายๆ เหมือนกับโฆษณาบน facebook จะลงทีเดียวให้ไปโผล่ทั้ง 2 ที่เลยก็ได้ แถมยังไม่ต้องคอยฝากร้านให้เสียมารยาทตามเพจดารา ได้รับผลตอบรับดี ราคาถูกใช้ได้เลยค่ะ